วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงและจันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 10 ธันวาคม 2554 ถือเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ส่งท้ายปี .. 2554
โดยดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามืดของโลก(จันทรุปราคาบางส่วน

ตั้งแต่เวลา 19:46 และเข้าสู่ช่วงจันทรุปราคาเต็มดวงตั้งแต่เวลา 21:06 
ถึง 21:57 คิดเป็นระยะเวลาจันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานถึง51 นาที 
ในขณะที่ดวงจันทร์อยู่ในเงามืดของโลกเต็มดวง 
จะมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดงอิฐทั้งดวงสามารถสังเกตได้
ด้วยตาเปล่าในทุกภูมิภาคของประเทศ ทางทิศตะวันออกสูง
จากเส้นขอบฟ้าประมาณ40 องศา หากพลาดชมจันทรุปราคาเต็มดวงคราวนี้คนไทยต้อง
รออีก 3 ปี จึงจะได้ชมจันทรุปราคาเต็มดวงในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 8 ตุลาคม 2557 และครั้งถัดไปในวันที่ 4 เมษายน 2558

                                 เหตุการณ์                                       เวลาในประเทศไทย
                      เริ่มเกิดจันทรุปราคาเงามัว(P1)                               18:33 .
                      เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน(U1)                            19:46 .
                      เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง(U2)                             21:06 .
                      กึ่งกลางจันทรุปราคา                                             21:31.
                      สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง(U3)                               21:57 .
                      สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน(U4)                               23:17 .
                      สิ้นสุดจันทรุปราคาเงามัว(P4)                                  24:30 .

                  ตารางแสดงเวลาการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในประเทศไทยในวันที่ 10 ธันวาคม 2554


ภาพที่ 1 : แสดงตำแหน่งของดวงจันทร์เทียบกับเงาของโลกขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในวันที่ 10 ธันวาคม 2554


ภาพที่ 2 : แสดงตำแหน่งของดวงจันทร์ระหว่างเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในวันที่ 10 ธันวาคม 2554

        ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้สามารถสังเกตเห็นได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยตลอดทั้งปรากฏการณ์ ขณะเกิดจันทรุปราคาดวงจันทร์จะเคลื่อนที่ผ่านทางตะวันออกของกลุ่มดาววัว (Taurus) อยู่ห่างจากดาวอัลดีบาแรนในกลุ่มดาววัว ประมาณ 9 องศา และอยู่ห่างดาวอัลเนธ (Alnath) ของกลุ่มดาวสารถี ประมาณ 5 องศา

ภาพที่ 3 : แสดงตำแหน่งต่างๆ บนโลกที่สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาในวันที่ 10 ธันวาคม 2554

        ในหลายภูมิภาคของโลกก็สามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคานี้ ได้ตลอดช่วงปรากฏการณ์เช่นกันได้แก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ

        จันทรุปราคา คือ ปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยโลกอยู่กึ่งกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก หรืออยู่หลังโลกเมื่อมองจากดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาจะเกิดในช่วงดวงจันทร์เต็มดวง หากดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกทั้งดวง เรียกว่า “จันทรุปราคาเต็มดวง” หากดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลกบางส่วน จะเรียกว่า “จันทรุปราคาบางส่วน

ภาพที่ 4 : แสดงตำแหน่งของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา

ภาพที่ 5 : แสดงลำดับการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง

        จันทรุปราคาเต็มดวง คือ ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลกทั้งดวง เราจะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่นที่ยาวที่สุดหักเหผ่านบรรยากาศโลกไปกระทบกับดวงจันทร์ หลังจากนั้นเมื่อดวงจันทร์โคจรออกจากเงามืดของโลก ดวงจันทร์จะเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย จนสว่างทั้งดวง โดยทั่วไปการเกิดจันทรุปราคามักเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากเงาของโลกมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับดวงจันทร์ดวงจันทร์จึงมักใช้เวลานานนับชั่วโมงในการโคจรผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก

ภาพที่ 6 : ภาพดวงจันทร์สีแดงอิฐขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 

        จันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี
        ในค่ำคืนของวันที่ 10 ธันวาคม 2554 นอกจากคนไทยทั่วประเทศจะเต็มอิ่มกับความงามของดวงจันทร์เต็มดวงสีแดงอิฐที่ยาวนานถึง 51 นาที แล้ว คนไทยยังมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี อีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันที่หาชมได้ยากอีกด้วย
        ปรากฏการณ์จันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดีในครั้งนี้ เกิดจากดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าไปในเงามืดของดาวพฤหัสบดี ทำให้คนบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์ไอโอค่อยๆ เคลื่อนที่หายเข้าไปหลังดาวพฤหัสบดี ในเวลา 18:12 และเคลื่อนที่ออกจากเงามืดของดาวพฤหัสบดีในเวลา 21:22 อย่างไรก็ตามการสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาบน           ดาวพฤหัสบดีนี้ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเนื่องจากดาวพฤหัสบดีอยู่ไกลมาก จึงต้องสังเกตการณ์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายตั้งแต่  50 เท่า ขึ้นไปเท่านั้น

ภาพที่ 7 : แสดงตำแหน่งดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัสบดีขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี

       

รวบรวมและเผยแพร่โดย
ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น