| |||||
|
วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Merry Christmas EveryBody
วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554
เตือน..วางมือถือบนหัวเตียง..เสี่ยง!!
องค์การอนามัยโลก ย้ำ ใช้มือถือมากเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองโดยเฉพาะข้างที่ใช้รับสาย สบท.เผยคนไทยเสี่ยง 24 ชั่วโมงแม้เวลานอนเพราะพฤติกรรมเปิดเครื่องวางไว้หัวเตียง ระบุการใช้บลูทูธและหูฟังช่วยได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เปิดเผยว่าเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา IARC หรือ International Agency for Research on Cancer ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์การอนามัยโลก ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการที่ให้เหตุผลของการจัดให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นปัจจัยก่อมะเร็งประเภท 2B หรือ เป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง ซึ่งนอกจากจะเป็นการยืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีความเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งแล้วยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า การใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีระบบบลูทูธจะทำให้ผู้ใช้ได้รับพลังงานจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่ำกว่าการใช้ผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือโดยตรงถึง 100 เท่า และการใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีแบบมีสาย หรือหูฟังจะช่วยลดการได้รับพลังงานที่สมองลงประมาณร้อยละ 10 แต่การใช้ทั้งสองประเภทไม่ควรเกี่ยวไว้ที่หูตลอดเวลาเมื่อไม่ได้ใช้งาน และผลการรายงานยังพบว่า เครื่องโทรศัพท์ 3G ปล่อยพลังงานน้อยกว่าโทรศัพท์ GSM เฉลี่ยประมาณ 100 เท่า
“ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การถือโทรศัพท์แนบหูทำให้เกิดการดูดซับพลังงานที่สมอง ซึ่งปริมาณการดูดซับขึ้นอยู่กับการออกแบบตัวเครื่องและเสาอากาศ ลักษณะการใช้ และระดับสัญญาณระหว่างตัวเครื่องและสถานีฐาน ที่สำคัญคือ สมองเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 2 เท่า และไขกระดูกของกระโหลกศีรษะเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 10 เท่า นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า กลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มากกว่า 1,640 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นมะเร็งสมองชนิด Glioma หรือเนื้องอกในสมอง ข้างเดียวกับที่ใช้โทรศัพท์ ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับคลื่นสูงที่สุด “ ผอ.สบท.กล่าว
นายประวิทย์ กล่าวต่อไปว่า จากรายงานดังกล่าวผนวกกับผลสำรวจของสบท.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอัญสัมชัญหรือเอแบคโพล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับคลื่นสัญญาณที่นอกจากการใช้งานคือพบว่า ร้อยละ 64.5 นิยมวางโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ที่หัวเตียงพร้อมกับเปิดเครื่องไว้ในเวลานอน ร้อยละ 41.6 ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋ากระโปรง และร้อยละ 23.7 นิยมใส่ไว้ในกระเป๋าพกพา ดังนั้นจากข้อมูลที่พบ หากไม่ใช้ก็ควรไว้ให้ห่างตัวโดยเฉพาะศีรษะ โดยไม่ควรวางไว้ที่หัวเตียงและเปิดเครื่องทิ้งไว้ เพื่อลดความเสี่ยงของการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในปี 2544 ประเด็นเรื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เคยเป็นกระทู้ในรัฐสภาของไทยและกระทรวงสาธารณสุขโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้ตอนหนึ่งว่า ได้เคยประชาสัมพันธ์แนะนำเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังไว้ 3 ประการคือ
และเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ
รู้อย่างนี้แล้วเราควรจะหลีกเหลี่ยงการใช้โทรศัพท์เพื่อสุขภาพที่ดีและไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหรือเนื้องอกในสมอง ขอบคุณ : สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)
ไม่อยากเป็นโรคมะเร็งเชิญทางนี้ " สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ"
ใครที่ไม่อยากเป็นมะเร็ง สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการมีอะไรบ้าง ...
1. น้ำตาล เช่น น้ำตาลทรายขาว โดยใช้น้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่น้อยมาก เกลือ มีสารจำเป็นที่เซลล์มะเร็งนำไปใช้ ควรงด หรือในปริมาณน้อย
2. นม ควรดื่ม นำนมถั่วเหลืองทดแทน
3. เซลล์มะเร็ง เจริญเติบโตในสภาพที่เป็นกรด การบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด ควรรับประทานอาหารประเภทปลา ดีกว่าหมู เนื้อ และเนื้อสัตว์ มีแบคทีเรีย ใช้โฮโมนในการเจริญเติบโตปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อคนไข้ที่เป็นมะเร็ง
4. 80% ของผักและนำผลไม้สด ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช จะช่วยให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง 20% จากอาหารที่ปรุงแล้ว น้ำผักและผลไม้สด จะให้เอนไซม์ที่ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อไปเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ที่ดี ดังนั้นควรดื่มน้ำผักสด และกินผักดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน
5. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ ช็อกโกแลต ที่มีคาเฟอีนที่สูง เป็นดื่มชาเขียวที่มี สารต้านมะเร็ง
ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำกรองดีที่สุด หลีกเลี่ยงน้ำประปา และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีสภาพเป็นกรด
ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำกรองดีที่สุด หลีกเลี่ยงน้ำประปา และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีสภาพเป็นกรด
6. เนื้อสัตว์ ย่อยยาก และต้องการเอนไซม์ในการย่อยเป็นจำนวนมาก และเนื้อที่ย่อยไม่หมด จะคงตกค้างอยู่ในลำไส้ อันนำไปสู่สารพิษตกค้าง
7. เซลล์มะเร็ง มีโปรตีนที่ยากแก่การทำลายเป็นเกราะป้องกัน การบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น
8. อาหารเสริมบางอย่างช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง เช่น วิตามินอี วิตามินซี
9. เซลล์มะเร็ง เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การควบคุมอารมณ์ และมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น อารมณ์โกรธ หรือความเครียดจะสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย ควรเรียนรู้ที่จะรัก และให้อภัย พักผ่อนและสนุกกับการใช้ชีวิต
10. เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตในที่มีออกซิเจนได้ การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจเข้าลึกลึก จะช่วยเพิ่มระดับ ออกซิเจนในเซลล์ การบำบัดด้วยออกซิเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำลายเซลล์มะเร็ง
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็ง หันมาดูแลรักษาสุขภาพกันดีกว่า...
วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ดวงเมืองไทยปีมะโรง"อันตราย"(คำพยากรณ์ต่อไปนี้ โปรดใช้สติพิจารณา)
| |||
|
"5 อาทิตย์ 5 จันทร์ 5 อังคาร" คิดสักนิดก่อน"คลิก"ฟอร์เวิร์ดเมล์
วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554
มะนาว : สวยได้ เปรี้ยวด้วย
ในน้ำมะนาวนั้นนอกจากจะมีกรดอ่อนๆ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่แล้ว ยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น สาวคนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิว หน้ามัน หรือหน้าตาหมองคล้ำเกินกว่าวัย น้ำมะนาวเป็นทางออกที่เหมาะสมกับสาวๆ กลุ่มนี้มากเลยค่ะ และเรามาสามารถประยุกต์น้ำมะนาวใช้แทนเครื่องสำอางค์หลายๆ ตัวได้ด้วยค่ะ
แต่ถึงมะนาวจะมาจากธรรมชาติ ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กันทุกคนนะคะ เพราะสาวๆ ที่ มีผิวหน้าบาง แพ้ง่าย หากรู้สึกแสบหน้าหรือผิวกาย หน้าเริ่มแดง ไม่ควรใช้น้ำผสมน้ำมะนาวล้างหน้า และไม่ควรพอกหน้าในสูตรที่ใช้น้ำมะนาวบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้หน้าแพ้ง่ายขึ้นเมื่อโดนแสงแดด ผิวบางลง คราวนี้แทนที่จะสวย อาจต้องเสียเงินไปหาหมอแทนนะคะ ใช้ให้ถูกสูตร ที่เหมาะกับหน้าเราค่ะ
โทนเนอร์น้ำมะนาว
การใช้น้ำมะนาวล้างหน้านี้ ใช้แทนโทนเนอร์ได้เลยค่ะ โดยใช้น้ำมะนาว 1 ผล ผสมน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้า และน้ำเย็น ล้างหน้าให้สะอาดและล้างครั้งสุดท้ายด้วยน้ำอุ่น ใช้ผ้าซับหน้าให้แห้ง และใช้มะนาวแช่เย็นทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น และใช้น้ำเย็นล้างหน้าอีกครั้ง สูตรนี้นอกจากจะเป็นการกระชับรูขุมขนแล้ว ยังช่วยให้เร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวอย่างธรรมชาติอีกด้วยค่ะ
น้ำมะนาวแต้มสิว
สูตรแต้มสิวด้วยน้ำมะนาวเป็นตัวเอกนี้ ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งสองมาผสมกันและตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วแต้มที่ตุ่มสิวทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ทำบ่อยๆ ประมาณ 1 เดือนสิวจะเริ่มลดลงและหายไปในที่สุดค่ะ ง่ายๆ แค่นี้ เจลแต้มสิวที่ไหนก็ชิดซ้ายค่ะ
สครับมะนาว…ขาวกระจ่างใส
สูตรนี้เหมาะสำหรับขัดผิวกายเท่านั้นนะคะ เพราะหากใช้กับใบหน้าตามสูตรนี้อาจจะแรงไปค่ะ และเหมาะสำหรับคนผิวมันด้วยค่ะ ใครที่ผิวแห้ง ข้ามสูตรนี้ไปก่อนนะคะ ไม่อย่านั้นผิวแห้งกันไปใหญ่ ไม่ดีแน่ๆ ค่ะ สูตรนี้นอกจากน้ำมะนาวตัวเอกแล้ว ก็ยังมีน้ำมันมะกอก และเกลือทะเลด้วยค่ะ เลือกที่บดไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อจะได้มีเม็ดสครับที่พอเหมาะค่ะ
เริ่มง่ายๆ ด้วยการนำเกลือมาผสมกับน้ำมันมะกอกกะเอาให้พอเหมาะกับขนาดรูปร่างเรานะคะ พอหนืดๆ อย่าให้เหลวไปค่ะ จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปกะดูให้พอเข้มข้นพอ คนให้เข้ากันแล้วทำการสครับได้เลยค่ะ โดยเกลือจะทำหน้าที่ลอกผิวหนังที่ตายแล้วและทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ส่วนน้ำมะกอกทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น และน้ำมะนาวนี่เองที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ควรผสมเยอะเกินไปเพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ได้ค่ะ
เล็บสวยด้วยมะนาว
น้ำมะนาวก็ช่วยให้เล็บเราสวยและแข็งแรงได้นะคะ วิธีการก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แค่ฝานมะนาวพร้อมเปลือกออกเป็นซีกๆ แล้วเอามาขัดๆ ถูๆ ทำความสะอาดตามเล็บมือเล็บเท้าของเราค่ะ ถูไล่ไปตั้งแต่ผิวเล็บ ตลอดจนทุกซอกทุกมุมของเล็บเรา สูตรนี้ทำบ่อยๆ ได้ค่ะ เพราะเล็บเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว ไม่มีอาการแพ้แน่นอน รับรองว่าใครที่มีเล็บเหลืองจากการทาเล็บแบบไม่มีพัก จะได้เล็บขาวใสสวยๆ กลับคืนมาแน่นอนค่ะ
น้ำมะนาวนอกจากจะอร่อย อุดมด้วยวิตามินซี ยังเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความงามขอสาวๆ ได้อีกด้วย อ่านแล้วก็อย่าลืมไปสำรวจมะนาวในครัวดูนะคะว่ามีเหลืออยู่กี่ลูก และจะสวยอะไรก่อนดี?
อย่าลืมนำไปใช้กันนะค่ะ จะได้สวยได้ เปรี้ยวด้วย ...
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงและจันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
|
วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554
"กูเกิ้ล" เผยคำค้นหายอดฮิตประจำปี 54 "Facebook-คันหู-สงกรานต์สีลม" แรง!
เว็บไซต์สืบค้นข้อมูลหมายเลข 1 ของโลก "กูเกิ้ล-Google" ประกาศผลไซต์ไกสต์ประจำปี 2554 จากเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่และรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี และเทศกาลสงกรานต์ ณ ถนนสีลม ล้วนเป็นข่าวเด่นที่อยู่ในความสนใจของคนไทยในปีนี้
ทางด้านสังคมออนไลน์มีที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนสมัยนี้ทั้งในเรื่องงานเรื่องส่วนตัว และการอัพเดทข่าวสาร รวมถึงเป็นตัวสร้างกระเเสใหม่ๆ มากมายให้สังคมจริงๆ ได้ติดตาม เห็นได้จากกระเเสคำค้นหา Facebook และ Google+ ที่มาเเรงและมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตมากขึ้น โดยที่อุปกรณ์เทคโนโลยีอินเทรนด์ต่างๆ เช่น iPhone iPad หรือ Samsung Galaxy และ Blackberry ก็ได้รับความสนใจค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
และในด้านบันเทิง เพลงดังที่สร้างความตื่นตะลึงบนโลกออนไลน์ “คันหู” มาแรงฉุดไม่อยู่ ส่วนรายการทีวียอดฮิตเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณ “คนอวดผี” ก็มีแฟนรายการเฝ้าชมเพิ่มมากขึ้น
คำค้นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งปี 2. Friv 3. คันหู 4. คนอวดผี 5. หน่วง 6. Boomz 7. น้ำท่วม 8. กินตับ 9. มาช่า 10. iPhone5 | บันเทิงเริงใจ 2. คนอวดผี 3. กินตับ 4. พูดไม่คิด 5. เมียแต่ง 6. ยังโสด 7. รอยมาร 8. คิดมาก 9. ลัดดาแลนด์ 10. lazy song |
รวมสื่อและข่าวเด่น 1. น้ำท่วม 2. สงกรานต์ สีลม 3. ไทยรัฐ 4. manager 5. สยามกีฬา 6. ข่าว บันเทิง 7. ข่าว กีฬา 8. ข่าว เศรษฐกิจ 9. กรุงเทพธุรกิจ 10. คมชัดลึก | กีฬาพาเพลิน 1. fa2. บ้านผลบอล 3. แมนยู 4. มวยไทย 5. เชลซี 6. ตกปลา 7. ลิเวอร์พูล 8. soccersuck 9. หมากฮอส 10. บุรีรัมย์ pea |
คนเด่นคนดัง 1. มาช่า2. โดม 3. แพร วา 4. ประวัติ สุนทร ภู่ 5. teresa idalgo 6. bodyslam 7. หลวง พ่อ เงิน 8. eminem 9. ต่าย อรทัย 10. พระมหาสมปอง | เกมส์สนุกติดจอ 1. angry bird2. fifa online 3. minecraft 4. sf 5. gta 6. เกมทําอาหาร 7. เกมแต่งตัว 8. dota 9. เกมส์จับคู่ 10. talesrunner |
เทรนด์ของเทคโนโลยีและ โลกไอทีมาแรง 1. เฟชบุ๊ค 2. Google Plus 3. Google Chrome 4. ยูทูป 5. hotmail.co.th 6. samsung galaxy tab 7. ipad 8. whatsapp 9. android 10. nokia x7 | แก๊ดเจ็ดที่ทุกคนพูดถึง 1. iphone 5 2. samsung galaxy 3. ipad 4. iphone 4 5. bb 6. เครื่อง คิด เลข 7. โน๊ ต บุ๊ค 8. โนเกีย 9. acer 10. canon |
ขอบคุณ Google.com / Teenee.com
วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554
มาดื่มน้ำตอนเช้าๆกันเถอะ
การดื่มน้ำเ มื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดี ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยม ดื่มน้ำทันที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ( ก่อนแปรงฟัน ) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100% (แบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้า หมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลง คลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก
วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น แลหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น แลหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะปวดปัสสาวะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)