วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

วิธีปิด Facebook Timeline กลับไปใช้งาน Profile แบบเก่าสำหรับ Chrome, Firefox, Safari

Facebook: วิธีปิด Facebook Timeline กลับไปใช้งาน Profile แบบเก่าสำหรับ Chrome, Firefox, Safari!

Facebook Timeline - หลังจากทาง Facebook เปิดให้ผู้ใช้งานใช้ Facebook Timeline ได้แล้ว และเร็วๆ นี้ก็จะปรับโปรไฟล์ของทุกคนเป็นแบบ Timeline กันหมด ซึ่งมีบางท่านลองใช้งานแล้วแต่ไม่ชอบใจ และหากเมื่อทาง Facebook มีการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ก็คงต้องทน Timeline กันไป แต่ตอนนี้เรามีทางแก้มานำเสนอครับ ลองนำไปทดสอบกันดูครับ

สำหรับ Firefox

01. ติดตั้ง Add-Ons ชื่อว่า “User Agent Switcher” ลงบน Firefox เสร็จแล้ว Restart Firefox
02. ไปที่เมนู Tools > Default User Agent > Internet Explorer > Internet Explorer 7

สำหรับ Safari

01. ไปที่ Edit > Preferences > Advanced ติ๊กเลือกช่อง Show Develop menu in menu bar เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Develop
02. ไปที่ Develop เลือก User Agent และเลือก Internet Explorer 7

สำหรับ Google Chrome

01. คลิกขวา เลือก Properties ที่ Shortcut Google Chrome
02. ไปที่ช่อง Target จากนั้นคัดลอกโค้ด ไปวางต่อท้าย chrome.exe โดยให้เว้น 1 วรรคก่อนแล้วค่อยวางโค้ด
โค้ดสำหรับผู้ใช้ Windows 7/Vista
–user-agent=”Mozilla/4.0 (compatible; MSIE 7.0; Windows NT 6.0)”
โค้ดสำหรับผู้ใช้ Windows XP
–user-agent=”Mozilla/4.0 (compatible; MSIE 7.0; Windows NT 5.1)”
03. กด Ok แล้วเปิดใช้งานครับ
เพียงเท่านี้หน้าโปรไฟล์ของเราก็จะกลายเป็นแบบเก่าแล้วครับ แต่การแสดงผลจะไม่สมบูรณ์ 100% นะครับ และการปรับแต่งตรงส่วนนี้จะทำให้เกิดผลกับทุกเว็บไซต์ที่เปิดใช้งานครับ ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นการเรียกเปิด IE7 มาใช้งานครับ
บทความโดย: ป๋าเอก TechXcite
ที่มา: ibook.infopress.co.th

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Merry Christmas EveryBody

วันที่ 24 ธันวาคม หรือที่รู้จักกันว่า “คริสต์มาสอีฟ” โดยในวันนี้ 
ชาวคริสต์จำนวนมากจะเดินทางไปร่วมพิธีนมัสการ ตามโบสถ์คาทอลิค 
ทำกันในเวลาเที่ยงคืน หรือที่ทางเยอรมนีเรียกว่า “ไวฮนาคท” (Weihnacht) 

หรือมีความหมายเดียวกันกับคำว่า "White Christmas" ซึ่งถือว่าเป็น “คืนอันศักดิ์สิทธิ์”
นอกจากนี้ในคืนก่อนวันนี้จะมีงานแครอลลิง ซึ่งจะมีเด็กๆ ไปร้องเพลงตามบ้าน
 ในคืนวันคริสต์มาส ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมารวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อทำกิจกรรม
ร่วมกัน เช่น การแสดง ร้องเพลง

และในวันที่ 25 ธันวาคมก็จะมีการเฉลิมฉลองกันตามบ้านเรือน และถือเป็นโอกาส

ดีที่จะมีการเยี่ยมเยียนระหว่างญาติพี่น้อง ส่วนในตอนกลางคืนทุกคนจะพร้อมหน้า
เพื่อมาร่วมรับประทานอาหารค่ำและอาหารมื้อสำคัญบนโต๊ะนั่นก็คือไก่งวง

ไก่งวงเริ่มแพร่ไปสู่อังกฤษเมื่อวิลเลียม สทริกแลนด์ ซื้อไก่งวงหกตัวจากพ่อค้า

ชาวอินเดียนแดงในเม็กซิโก  และนำไปขายในเมืองบริสทอล  ประเทศอังกฤษ
เมื่อค.ศ. 1526  พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่เจ็ดทรงโปรดเสวยไก่งวงฉลองเทศกาลและ
ชาวอังกฤษก็ปฏิบัติตาม   แต่ยังถือเป็นของหรูหราจนถึงทศวรรษ 1650 
ส่วนในวันที่ 26 ธันวาคมจะเป็น “วันบ็อกซิงเดย์” หรือวันเปิดกล่องของขวัญ 

ซึ่งวันนี้ในอดีตจะเป็นเป็นวันที่ศิษยาภิบาลเคยเปิด "กล่องทาน"  ในโบสถ์ และ
แจกเงินให้สมาชิกที่ยากจน  ต่อมาชาวอังกฤษก็ให้ของขวัญแก่พวกคนใช้และ
เจ้าหน้าที่ต่างๆ เพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาได้ทำงานและจัดการเฉลิมฉลอง
ในช่วงคริสต์มาส แต่ถ้าวันที่ 26 ธันวาคมตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ วันบ็อก
ซิ่งเดย์ก็จะเลื่อนไปเป็นวันจันทร์แทน


ทำไมต้องมีต้นคริสต์มาส?
เพื่อนๆ คงจะเห็นแล้วว่าสัญลักษณ์ประจำวันคริสต์มาสที่สำคัญก็คือต้นสนวันคริสต์มาส 

หรือต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมที่จะมีตุ๊กตาและลูกแอปเปิ้ลเล็กติดอยู่ ซึ่งต้นไม้นี้เป็น
สัญลักษณ์ของต้นไม้ต้องห้ามที่อยู่ในสวรรค์สมัยอาดัมกับอีฟที่ทั้งสองคนไปหยิบผล
ไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า

ในราวศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์มีการแสดงละครที่แสดงถึงความหมายของต้นคริสต์มาส

โดยมีต้นไม้ต้นหนึ่งวางไว้ตรงกลางฉากซึ่งหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ต้นนี้นั่นเอง 
ต้นไม้ที่ใช้ในการแสดงก็มักจะเป็นต้นสนเนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในประเทศเหล่านั้น
และมีการแสดงต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนถึงประมาณศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชในหลายประเทศได้ห้ามไม่ให้มีการแสดง เนื่องจากการแสดงตอนหลังๆนั้นกลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมืองและศาสนา จากนั้นชาวบ้านก็เริ่มนำเอาต้นไม้มาประดับไว้ในบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและมีการประดับตกแต่งให้สวยงามอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้

นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก

คริสต์มาส กับ Xmas ต่างกันอย่างไร ?
คำว่าคริสต์มาสนั้นมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณีสำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฏิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่าคริสต์มาส

ส่วนคำว่า Xmas ก็มาจากอักษรตัวแรกของชื่อพระเยซูคริสต์ในภาษากรีก ที่มีชื่อว่า “Xristos” โดยคำว่า Xmas เริ่มใช้ครั้งแรกในยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 15 และคำอวยพรในวันนี้คือ Merry Christmas ซึ่งคำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบในจิตใจ
ทำไมต้องมีต้นคริสต์มาส?
เพื่อนๆ คงจะเห็นแล้วว่าสัญลักษณ์ประจำวันคริสต์มาสที่สำคัญก็คือต้นสนวันคริสต์มาส หรือต้นไม้ทรงสามเหลี่ยมที่จะมีตุ๊กตาและลูกแอปเปิ้ลเล็กติดอยู่ ซึ่งต้นไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของต้นไม้ต้องห้ามที่อยู่ในสวรรค์สมัยอาดัมกับอีฟที่ทั้งสองคนไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า 
ในราวศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์มีการแสดงละครที่แสดงถึงความหมายของต้นคริสต์มาสโดยมีต้นไม้ต้นหนึ่งวางไว้ตรงกลางฉากซึ่งหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ต้นนี้นั่นเอง ต้นไม้ที่ใช้ในการแสดงก็มักจะเป็นต้นสนเนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในประเทศเหล่านั้นและมีการแสดงต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนถึงประมาณศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชในหลายประเทศได้ห้ามไม่ให้มีการแสดง เนื่องจากการแสดงตอนหลังๆนั้นกลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมืองและศาสนา จากนั้นชาวบ้านก็เริ่มนำเอาต้นไม้มาประดับไว้ในบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและมีการประดับตกแต่งให้สวยงามอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก
คริสต์มาส กับ Xmas ต่างกันอย่างไร ?

คำว่าคริสต์มาสนั้นมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณีสำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฏิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่าคริสต์มาส
ส่วนคำว่า Xmas ก็มาจากอักษรตัวแรกของชื่อพระเยซูคริสต์ในภาษากรีก ที่มีชื่อว่า “Xristos” โดยคำว่า Xmas เริ่มใช้ครั้งแรกในยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 15 และคำอวยพรในวันนี้คือ Merry Christmas ซึ่งคำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบในจิตใจ

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เตือน..วางมือถือบนหัวเตียง..เสี่ยง!!




องค์การอนามัยโลก ย้ำ ใช้มือถือมากเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองโดยเฉพาะข้างที่ใช้รับสาย สบท.เผยคนไทยเสี่ยง 24 ชั่วโมงแม้เวลานอนเพราะพฤติกรรมเปิดเครื่องวางไว้หัวเตียง ระบุการใช้บลูทูธและหูฟังช่วยได้
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา
 ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เปิดเผยว่าเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา IARC หรือ International Agency for Research on Cancer ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์การอนามัยโลก ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการที่ให้เหตุผลของ
การจัดให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นปัจจัยก่อมะเร็งประเภท 2B หรือ เป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง ซึ่งนอกจากจะเป็นการยืนยันว่า การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีความเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งแล้วยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า การใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีระบบบลูทูธจะทำให้ผู้ใช้ได้รับพลังงานจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่ำกว่าการใช้ผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือโดยตรงถึง 100 เท่า และการใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีแบบมีสาย หรือหูฟังจะช่วยลดการได้รับพลังงานที่สมองลงประมาณร้อยละ 10 แต่การใช้ทั้งสองประเภทไม่ควรเกี่ยวไว้ที่หูตลอดเวลาเมื่อไม่ได้ใช้งาน และผลการรายงานยังพบว่า เครื่องโทรศัพท์ 3G ปล่อยพลังงานน้อยกว่าโทรศัพท์ GSM เฉลี่ยประมาณ 100 เท่า
        “ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การถือโทรศัพท์แนบหูทำให้เกิดการดูดซับพลังงานที่สมอง ซึ่งปริมาณการดูดซับขึ้นอยู่กับการออกแบบตัวเครื่องและเสาอากาศ ลักษณะการใช้ และระดับสัญญาณระหว่างตัวเครื่องและสถานีฐาน ที่สำคัญคือ สมองเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 2 เท่า และไขกระดูกของกระโหลกศีรษะเด็กจะได้รับคลื่นมากกว่าผู้ใหญ่ 10 เท่า นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า กลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มากกว่า 1,640 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นมะเร็งสมองชนิด Glioma หรือเนื้องอกในสมอง ข้างเดียวกับที่ใช้โทรศัพท์ ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับคลื่นสูงที่สุด “ ผอ.สบท.กล่าว

          นายประวิทย์ กล่าวต่อไปว่า จากรายงานดังกล่าวผนวกกับผลสำรวจของสบท.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยอัญสัมชัญหรือเอแบคโพล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับคลื่นสัญญาณที่นอกจากการใช้งานคือพบว่า ร้อยละ 64.5 นิยมวางโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ที่หัวเตียงพร้อมกับเปิดเครื่องไว้ในเวลานอน ร้อยละ 41.6 ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋ากระโปรง และร้อยละ 23.7 นิยมใส่ไว้ในกระเป๋าพกพา ดังนั้นจากข้อมูลที่พบ
 หากไม่ใช้ก็ควรไว้ให้ห่างตัวโดยเฉพาะศีรษะ โดยไม่ควรวางไว้ที่หัวเตียงและเปิดเครื่องทิ้งไว้ เพื่อลดความเสี่ยงของการได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น

          ผอ.สบท.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในปี 2544 ประเด็นเรื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เคยเป็นกระทู้ในรัฐสภาของไทยและกระทรวงสาธารณสุขโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้ตอนหนึ่งว่า ได้เคยประชาสัมพันธ์แนะนำเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ประชาชนระมัดระวังไว้ 3 ประการคือ 
            
     1.ให้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เท่าที่จำเป็น
                 2.ไม่ควรใช้โทรศัพท์ในรถยนต์หรือขณะขับรถ
                    และเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ










รู้อย่างนี้แล้วเราควรจะหลีกเหลี่ยงการใช้โทรศัพท์เพื่อสุขภาพที่ดีและไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหรือเนื้องอกในสมอง ขอบคุณ : สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)

ไม่อยากเป็นโรคมะเร็งเชิญทางนี้ " สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการ"


ใครที่ไม่อยากเป็นมะเร็ง สารอาหารที่เซลล์มะเร็งต้องการมีอะไรบ้าง  ...
1. น้ำตาล เช่น น้ำตาลทรายขาว โดยใช้น้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำผึ้ง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่น้อยมาก เกลือ มีสารจำเป็นที่เซลล์มะเร็งนำไปใช้ ควรงด หรือในปริมาณน้อย
2. นม ควรดื่ม นำนมถั่วเหลืองทดแทน
3. เซลล์มะเร็ง เจริญเติบโตในสภาพที่เป็นกรด การบริโภคเนื้อสัตว์ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด ควรรับประทานอาหารประเภทปลา ดีกว่าหมู เนื้อ และเนื้อสัตว์ มีแบคทีเรีย ใช้โฮโมนในการเจริญเติบโตปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อคนไข้ที่เป็นมะเร็ง
4. 80% ของผักและนำผลไม้สด ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช จะช่วยให้ร่างกายมีสภาพเป็นด่าง 20% จากอาหารที่ปรุงแล้ว น้ำผักและผลไม้สด จะให้เอนไซม์ที่ง่ายต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อไปเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ที่ดี ดังนั้นควรดื่มน้ำผักสด และกินผักดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน
5. หลีกเลี่ยงชา กาแฟ ช็อกโกแลต ที่มีคาเฟอีนที่สูง เป็นดื่มชาเขียวที่มี สารต้านมะเร็ง
ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำกรองดีที่สุด หลีกเลี่ยงน้ำประปา และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่มีสภาพเป็นกรด
6. เนื้อสัตว์ ย่อยยาก และต้องการเอนไซม์ในการย่อยเป็นจำนวนมาก และเนื้อที่ย่อยไม่หมด จะคงตกค้างอยู่ในลำไส้ อันนำไปสู่สารพิษตกค้าง
7. เซลล์มะเร็ง มีโปรตีนที่ยากแก่การทำลายเป็นเกราะป้องกัน การบริโภคเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น
8. อาหารเสริมบางอย่างช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไปทำลายเซลล์มะเร็ง เช่น วิตามินอี วิตามินซี
9. เซลล์มะเร็ง เป็นเชื้อโรคของจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การควบคุมอารมณ์ และมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น อารมณ์โกรธ หรือความเครียดจะสร้างสภาพความเป็นกรดให้ร่างกาย ควรเรียนรู้ที่จะรัก และให้อภัย พักผ่อนและสนุกกับการใช้ชีวิต
10. เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตในที่มีออกซิเจนได้ การออกกำลังกายทุกวัน และหายใจเข้าลึกลึก จะช่วยเพิ่มระดับ ออกซิเจนในเซลล์ การบำบัดด้วยออกซิเจนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำลายเซลล์มะเร็ง
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็ง หันมาดูแลรักษาสุขภาพกันดีกว่า...

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดวงเมืองไทยปีมะโรง"อันตราย"(คำพยากรณ์ต่อไปนี้ โปรดใช้สติพิจารณา)




ดวงเมืองไทยปีมะโรง"อันตราย" จลาจล รัฐประหาร น้ำท่วม ผู้นำดวงแตก
 
ดวงเมืองประเทศไทย ปี 2555 กับการพยากรณ์ประจำปี โดยโหร โสรัจจะ นวลอยู่ จากนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ 2983 ประจำวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2554

คำพยากรณ์ต่อไปนี้ โปรดใช้สติพิจารณา

ประเทศไทยปี 2555 นี้ มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือ ประเทศไทย เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ รวมถึงภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี
น้ำท่วมหนักซ้ำอีก กลางปี - ปลายปี
เหตุการณ์เช่นเดิมนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนต้องเผชิญความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปีก่อนๆ เสียหายทั่วทั้งประเทศ เฉลี่ยไปทั่วนับว่าเป็นทุพภิกขภัย

ดวงเมือง กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศ

ดวงเมืองแห่งยุคการคลั่งประชาธิปไตยครึ่งใบนี้ ในเดือนมีนาคม 2555 ดาวอาทิตย์ (คือประมุขของรัฐบาล)  กำลังโคจรเข้าสู่ภพวินาศนะของราศีเมษพอดี และถูกบาปเคราะห์ทำมุมกากบาท แล้วยังโดนดาวเสาร์เล็งหัวแบบไม่วางหางไม่เว้น เท่านี้จะมีอะไรเหลือ
ขณะเดียวกันความยุ่งยากทางการเมืองภายใน จะก่อความร้าวฉานทวีขึ้นอย่างไม่มีจบสิ้น ยังมีเหตุร้ายแรงแก่พรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่เก่าแก่พรรคหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีลัคนาของดวงพรรคอยู่ราศีกันย์ กำลังโดนเกตุบาปเคราะห์ร้ายทับและโดนดาวบาปเคราะห์เสาร์กับอังคารบีบข้างหน้าและข้างหลัง อาจถึงขั้นพรรคแตกล่มสลายไปหมดทางแก้ไข เป็นระยะของการปลอดสิ่งศักสิทธิ์ที่เคยยึดเหนี่ยว เพราะความเสื่อมของผู้คนในพรรคนี้เป็นได้ ที่ไม่จริงใจต่อประเทศชาติซ่อนเร้นมาตลอด

เดือนเมษา ดาวมฤตยูแห่งการปฏิวัติยังโคจรอยู่ในภพวินาศ

เดือนเมษายน ดาวเจ้าเรือนภพที่ 11 (คือประมุขของรัฐบาล) อันเป็นดาวเสาร์ กำลังเดินถอยหลัง ซ้ำร้ายดาวมฤตยูดาวแห่งการปฏิวัติรัฐประหารยังคงเดินโคจรอยู่ในภพวินาศนะต่อราศีเมษแห่งไทยสยาม เป็นการยืนยันให้เห็นถึงความเชื่อมโยงถึงการเสื่อมอำนาจของผู้นำ ทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนให้เห็นเช่นนี้ จึงสำแดงให้เห็นถึงภาวะตึงเครียด และการเดินขบวนต่อต้านหัวหน้ารัฐบาลกับปรากฏการณ์ที่ส่อเค้าแห่งการเสื่อมอำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศ  ในระยะนี้ ประมุขรัฐบาลต้องออกจากประเทศไป เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบและทุเลาลง

อำนาจทางการเมืองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่ในกำมือของทหาร
"ตามดวงเมืองต้องปกครองด้วยทหาร"ตามโบราณของการก่อตั้งดวงเมือง ท่านโหราจารย์ผูกดวงเมืองไว้กับผู้มีอำนาจในสมัยนั้น เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้รอดพ้นจากศัตรู ผู้มีอำนาจในสมัยโบราณนั่นก็คือ ทหาร นั่นเอง เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงไม่อาจหนีจากสิ่งนี้ไปได้ นี่คือข้อเท็จจริง ปีนี้ควรจะหันมามองความจริงและเผชิญกับมัน
แท้จริงตามดวงดาว ประเทศสยามแต่เดิมไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่บ่งบอกว่าเป็นเผด็จการโดยการครอบงำของบุคคลกลุ่มหนึ่งตลอดมา แต่โยงใยคำว่าประชาธิปไตยมาแอบแฝงเพื่อผลประโยชน์ความสำเร็จของเผด็จการ การเวลาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ การเมืองบ้านเมืองเราจะวนเวียนและในที่สุดก็จะนำไปสู่จุดเริ่มต้นอย่างเดิมอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราไม่คาดคิด การปะทุความขัดแย้งต่อระบอบเผด็จการแอบแฝงต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นำไปสู่สงคราม การจลาจล นองเลือด และการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ยิ่งผู้นำที่มีทิฐิความเป็นเผด็จการสูงก็จะชักนำให้ไปสู่ความเลวร้าย มีการนำผู้ต่อต้านจากภายนอกเข้ามาในประเทศ เข้ามารุกรานคนในประเทศเดียวกัน
สิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง และขยายวงกว้างอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเลยว่า ใครเป็นผู้นำในเวลานั้นเป็นผู้ทำให้ประเทศพินาศ นำไปสู่ฉิบหาย ต้องระวัง อย่านึกว่ามันไม่เกิด  แต่ดวงของใครก็เป็นดวงของคนนั้น ความเลวร้ายจะเกิดขึ้นก็ห้ามไม่ได้ ถึงจะสำนึกย้อนหลังอย่างไรก็หยุดไม่อยู่ มันก็เป็นไปตามดวงชะตาลิขิต ผู้นำคนนั้นก็ต้องสิ้นสูญไป
ประเทศมีดวงแข็งกว่า ดวงของนักการเมือง

แต่อย่างไรเสียประเทศก็มีดวงดาวที่แข็งกว่า มีอะไรเหนือกว่าดวงนักการเมืองชั่วเหล่านี้ ประเทศไทยจะมีการพัฒนาไปตามขบวนการหรือจะเรียกว่า การเดินทางของดวงดาว ที่จะมาช่วยบ้านเมืองเอาไว้ได้ เราไม่ "สิ้นชาติ" หรอก แต่ก็บอบช้ำจากน้ำมือผู้นำชั่วเหล่านี้ไปมากเหมือนกัน เราจะไม่ขอให้ใครหยุดทำเพื่อประเทศอีกต่อไป ให้มันเป็นไปตามดวงดาวลิขิตไว้เช่นนี้ละ
ดาวผู้นำประเทศในปี 2555 เป็นดวงแตก บุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรม บ้านเมืองจะพังพินาศ
ดาวของผู้นำประเทศในปี 2555 จะเป็นดวงที่แตก ไม่สามารถที่จะเข้ามาประสานต่อได้แล้ว ผู้คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธาและเกลียดชัง เพราะฉะนั้นผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้องก็ต้องเป็นไป
บุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรมร่วมมือกับสมุนทำการย่ำยีประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ เป็นที่ครหาไปทั่วโลก ตรงนี้เป็นจุดเปราะบาง เพราะองค์กรของโลก เช่น สหประชาชาติทนต่อพฤติกรรมเลวร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่ไหว ต้องส่งกำลังทหารจากทั่วโลกเข้ามากวาดล้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมหาศาล บ้านเมืองต้องพังพินาศลงไป
ดูแล้วน่าอเนจอนาถเป็นที่ยิ่ง
จลาจลใน กทม.และปริมณฑล
การจลาจลในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประชาชนหลากสี หลากข้างได้ออกมาชุมนุมปะทะกัน นานหลายวันจนถึงหลายเดือน ผู้มีอำนาจและเป็นใหญ่ในแผ่นดินไม่สามารถควบคุมการจลาจลขนาดใหญ่ๆ ไว้ได้ ผู้ก่อการเผาสถานที่สำคัญ วัดวาอารามเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านานจนพินาศวอดวายนองเลือดไปทั่วปฐพี อาจต้องใช้กำลังทหารมากมายเข้าแก้ไขและเป็นหนทางไปสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ไม่มีผู้ใดจะแก้ไขสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เลย
ไทยจะประกาศสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน

อีกเรื่องหนึ่งที่ใหญ่ไม่แพ้กันเลย จะเกิดขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างรุนแรงและต้องประกาศสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ประเทศนั้นคือ ประเทศกัมพูชา
ความไม่ปรองดองภายในมีแต่เพิ่มพูนมากขึ้น เขมรได้โอกาสเข้ามาทำสงครามกับสยาม และเป็นที่น่าเสียใจที่ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปเข้าข้างเขมรและไปช่วยเขาบูรณะประเทศ คนเขมรยิงทหารไทยและชาวบ้านตูมๆ ด้วยข้อหาว่า ล่วงล้ำเข้าเขตแดนเข้ามาก็เป็นเสียอย่างนี้ เราไปช่วยเขา แต่เขมรกลับไม่มีเยื่อใยอะไรกับเรา เขาแสดงความเป็นศัตรูกับเราอย่างเจ็บแสบที่สุดอย่างนี้ ถ้าเป็นมนุษย์ต่อมนุษย์เขาก็เลิกคบกันแล้ว

เขมรบุกสยาม ส่งกำลังทหารเข้าโจมตี ทหารไทยเสียชีวิตจำนวนมาก ถึงเวลาที่ประเทศไทยเข้าสู่สงครามรบกับเพื่อนบ้านเป็นครั้งแรก เกิดการรบนองเลือดถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนทั้งสองฝ่ายไปเป็นจำนวนมาก เขมรใช้อาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ร้ายแรงบุกโจมตีประเทศไทยตามชายแดน ทะลุทะลวงมาถึงภาคกลาง แต่คนไทยก็ตีกลับและยึดแผ่นดินคืนมาได้ ผู้นำเขมรและครอบครัวเสียชีวิตหมด
ดาวพระเสาร์โคจรเล็งลัคนาของประเทศทั้งปี ต่อไปถึงปี 56 และ 57

ดาวพระเสาร์โคจรเล็งลัคนาของประเทศทั้งปี และยังต่อเนื่องไปถึงปี 2556 และปี 2557 ด้วยเช่นนี้จึงถูกเพื่อนบ้านทั้งซ้ายและขวาเล่นงานอย่างไม่มีเยื่อใย แถมยังมีดาวบาปเคราะห์เป็นขบวนใหญ่เดินขวางหน้าอยู่ ก็เพียงได้แต่ประคองตนให้พ้นภัยแล้ง น้ำท่วมใหญ่ ภัยหนาว และแผ่นดินไหวอันสุดหฤโหดในศตวรรษนี้ให้รอดสันดอนได้เสียก่อน  จะไปหวังไมตรีกับใครต่อใครได้อย่างไร ในเมื่อภายในบ้านเราก็ยังกระเหี้ยนกระหือรือ เข่นฆ่ากันอยู่
รัฐบาลเองนอกจากจะเป็นศัตรูกับพรรคฝ่ายค้านแล้ว ก็ยังสร้างศัตรูภายในกับพรรคร่วมรัฐบาล ซ้ำยังไปเฉดหัวนักวิชาการที่ปรึกษาหรือผู้ร่วมสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลออกไปเป็นกระบิ ทำเช่นนี้ใครเล่าเขาจะไม่โกรธ นอกจากจะตั้งตนเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยแล้ว ก็เหมือนจะมีพิษสงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการขัดแย้งรุนแรงนำไปสู่สงครามกลางเมืองขนาดใหญ่
รัฐบาลผสมแสนชั่วที่เข้าร่วมจัดรัฐบาล พรรคที่เข้าร่วมมีอำนาจต่อรองค่อนข้างมาก ร่วมกันโกงชาติบ้านเมือง เกี้ยเซี้ยแบ่งเค้กแบ่งผลประโยชน์ต่อกัน โดยไม่แยแสประชาชน เกิดเป็นเผด็จการมาเฟียชั่วร้ายในรัฐบาล ทำให้คนไทยทั่วประเทศที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลท้อใจกับระบอบรัฐสภาเผด็จการ จึงเริ่มหันไปมองหาอำนาจนอกระบบเข้ามาแทนที่ นี่แหละคือจุดจบของการเมืองไทย ทำให้เกิดความรุนแรงที่หนักที่สุดตั้งแต่เราเสียกรุงครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
ปี 2555 นี้ประเทศไทยระวังสุขภาพของบุคคลสำคัญต่างๆ  เกิดการเจ็บไข้อย่างรุนแรง เกิดแก่ผู้เป็นใหญ่ในประเทศและเกิดการสูญเสีย
ภาคใต้จะเกิดการแบ่งแยกดินแดน
การแบ่งแยกดินแแดนทางภาคใต้กลายเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ในปี 2555 นี้ทางใต้จะแบ่งแยกดินแดนออกจากขวานทองของไทยไปหลายจังหวัด แล้วปกครองตนเองเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับใคร เพราะดาวเสาร์กับดาวอังคารเดินแบบวิกล ผิดปกติ เฉไฉไปจากตำแหน่งเดิมๆ ประกอบกับดวงของผู้นำประเทศตกต่ำ คนสิ้นศรัทธา ขาดความเลื่อมใส และยำเกรง ผู้ก่อการร้ายทางใต้ขยายวงกว้างและใช้ความโหดเหี้ยม เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทหารและนักธุรกิจล้มตายไปเป็นจำนวนมาก มีการเผาโรงเรียน สถานที่ราชการ วัดวาอาราม และใช้อาวุธมีแสนยานุภาพรุนแรงกว่าปีก่อนๆ  ด้วยการได้รับการสนับสนุนจากจากภายนอกประเทศ การฆ่าผู้บริสุทธิ์และเผาสถานที่สำคัญต่างๆ เกิดขึ้นทุกวัน จนทำให้คนดังๆ ต้องอพยพหนีเข้าสู่ส่วนกลางของประเทศหลายแสนคน
เขื่อนยักษ์แตก - ดินถล่ม - คลื่นยักษ์ - หิมะตก - น้ำท่วมกรุงเทพ
เกิดเขื่อนยักษ์ใหญ่แตก ทั้งหมด 2 เขื่อนใหญ่ เป็นคลื่นยักษ์เข้าถล่มสู่เบื้องล่าง ท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัยสิ่งก่อสร้างทั้งเล็ก ใหญ่ และประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนแบบไม่รู้ตัว จมน้ำหายไปหลายหมู่บ้าน ตำบล และหลายจังหวัดเสียหายต่อเนื่องมาถึง กรุงเทพมหานคร ผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน


พื้นดินถล่มและทรุดตัวไปทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เราอาจจะต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา และจมลงสู่ใต้ทะเล
แถบชายฝั่งอันดามันตั้งแต่เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพุ่งเข้าถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547  กวาดผู้คน บ้านเรือน ยานพาหนะ ลงทะเลเกือบหมดสิ้น

สยามประเทศได้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติอาเพศสูงสุด เกิดหิมะตกในประเทศไทยทั้งทางภาคเหนือและในกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องอาถรรพ์ร้ายแรง ลางร้ายแก่ประเทศ และนำเชื้อโรคร้ายที่มาพร้อมกับอากาศหนาววิปริตที่หนาวจัด จนคนและสัตว์ล้มตายเป็นทิวแถว จนน่าอเนจอนาถ ไม่มีแพทย์ที่จะรักษาได้
น้ำทะเลเริ่มท่วมขังตามจังหวัดชายฝั่งจนไหลเข้าสู่ภาคกลางกรุงเทพฯ เป็นเวลาช้านาน กรุงเทพฯกลายเป็นทะเล ไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติได้ และอาจจะต้องย้ายเมืองหลวงขึ้นไปทางเหนือ จนถึงชายแดน แล้วไทยเราจะเหลืออะไร ?
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

"5 อาทิตย์ 5 จันทร์ 5 อังคาร" คิดสักนิดก่อน"คลิก"ฟอร์เวิร์ดเมล์

กลับมาอีกครั้งสำหรับกระแสฟอร์เวิร์ดเมล์ และการส่ง SMS
 โดยระบุข้อความว่า เดือนมกราคม 2555 เกิดปรากฎการณ์พิเศษ
 ใน 1 เดือน มี 5 วันอาทิตย์ 5 วันจันทร์  5 วันอังคาร เป็นครั้งแรกในรอบ
 800 กว่าปี จะเป็นปีโชคดีร่ำรวย แต่ต้องส่งฟอร์เวิร์ดเมล์หรือ SMS 
ต่อกันไปไม่ต่ำกว่า 10 คนนั้น 
หากสังเกตให้ดีวิธีการ และข้อความเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เหล่านี้ จะเริ่มต้นขึ้นช่วงปลายปี
 ที่กำลังจะก้าวย่างเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ทุกคนต้องการเฉลิมฉลอง
 เริ่มต้นชีวิตใหม่
เฉกเช่นเดียวกับข้อความของช่วงต้นปี 2554 ระบุว่า ตามหลักโหราศาสตร์ถือว่าเป็นช่วง
 ถุงเงิน ถ้าส่งข้อความต่อให้ 8 คนจะโชคดีร่ำรวยเงินทอง และยังเชื่อกันอีกว่าวันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2554 เป็นวันดี เหมาะแก่การเข้าวัดทำบุญ เพื่อเสริมโชคชะตาให้เจริญรุ่งเรือง รํ่ารวย
ข้อความดังกล่าวที่ส่งต่อเนื่องกันไป จนไม่รู้ต้นตอของข้อความมาจากไหน ได้สร้างความงมงายให้หลายคน และที่ขาดไม่ได้การตีเลขเด็ดซื้อล๊อตเตอร์รี่ แทงหวย
ร้อนถึงสมาคมดาราศาสตร์ไทยต้องออกมาให้ข้อมูลว่า  จากการตรวจสอบปฏิทินถอยหลังกลับไปพบว่าเดือน ที่มี 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ครั้งล่าสุด ไม่ใช่ครั้งแรกในรอบ 823 ปีอย่างที่กล่าวอ้างกัน เหตุที่เกิด 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ เนื่องจากวันที่ 1 ของเดือน ตรงกับวันเสาร์ และเป็นเดือนที่มี 31 วัน ถ้าเป็นลักษณะนี้จะเกิด 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ แน่นอน เดือนตุลาคม 2554 มี 5 จันทร์ 5 เสาร์ 5 อาทิตย์ ถือเป็นเรื่องของการหมุนเวียนตามปฏิทิน รวมถึงในทุกๆ 4 ปีที่มีเดือนกุมภาพันธ์ 29 วันต้องนำไปคำนวณ
หากนั่งไล่คำนวณต่อไปว่า 1 ปีมี 365 วัน (และ 366 วัน) เราจะพบว่าทุกปี วันแรกของเดือนจะถัดไป 1 วันของทุกปี (ถ้านำ 365 หาร 7 จะเหลือเศษ = 1) และจะถัดไป 2 วันถ้าหากปีนั้นมี 366 วัน
•สิงหาคม 2553 = วันอาทิตย์ 5 วัน, จันทร์ 5 วัน, อังคาร 5 วัน
•สิงหาคม 2554 = วันจันทร์ 5 วัน, อังคาร 5 วัน, พุธ 5 วัน
•สิงหาคม 2557 = วันศุกร์ 5 วัน, เสาร์ 5 วัน, อาทิตย์ 5 วัน
ผ่านไป 4 ปี วันก็จะเลื่อนมาทั้งหมด 1+1+1+2 = 5 วัน 
พอไล่ไปก็จะเห็นว่าไม่นานเกินรอ ไม่ต้องรอ 800 กว่าปี 
วันที่เหล่านั้นจะมาซ้ำอีกอย่างมากสุดไม่เกิน 11 ปี (4+4+1+1+1) และอย่างเร็วสุดประมาณ 5 ปี (1+4) 
ปี 2555 เช่นกัน หากนำปฎิทินมาเปรียบเทียบจะลองดูกันเล่น ๆ จะพบมีหลายเดือนมากที่มีวัน 5 วันติดกันในแต่ละปี เช่น ได้แก่ เดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคมมี 5 อาทิตย์ 5 จันทร์ 5 อังคาร  และเดือนธันวาคม มี 5 วันเสาร์ 5 วันอาทิตย์ 5 วันจันทร์ เป็นต้น
ดังนั้น ก่อนที่จะฟอร์เวิร์ดเมล์หรือส่ง SMS ครั้งต่อไป ลองหยิบปฏิทินกันขึ้นมาสังเกตสักนิดว่า มันน่าจะเป็นปรากฏการณ์พิเศษในรอบหลายร้อยหลายพันปีจริงหรือไม่


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มะนาว : สวยได้ เปรี้ยวด้วย

เคล็ดลับความสวยของเราคราวนี้ หาได้ในครัวอีกเช่นเดิมค่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่าง “มะนาว” ไงคะ มะนาวลูกเดียวช่วยให้เราสวยได้ ทั้ง หน้า ผม เล็บ กันเลย แต่จะทำอะไรได้บ้างนั้น เรามาดูกันเลยค่ะ
          ในน้ำมะนาวนั้นนอกจากจะมีกรดอ่อนๆ ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่แล้ว ยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น สาวคนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิว หน้ามัน หรือหน้าตาหมองคล้ำเกินกว่าวัย น้ำมะนาวเป็นทางออกที่เหมาะสมกับสาวๆ กลุ่มนี้มากเลยค่ะ และเรามาสามารถประยุกต์น้ำมะนาวใช้แทนเครื่องสำอางค์หลายๆ ตัวได้ด้วยค่ะ

         แต่ถึงมะนาวจะมาจากธรรมชาติ ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กันทุกคนนะคะ 
เพราะสาวๆ ที่ มีผิวหน้าบาง แพ้ง่าย หากรู้สึกแสบหน้าหรือผิวกาย หน้าเริ่มแดง ไม่ควรใช้น้ำผสมน้ำมะนาวล้างหน้า และไม่ควรพอกหน้าในสูตรที่ใช้น้ำมะนาวบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้หน้าแพ้ง่ายขึ้นเมื่อโดนแสงแดด ผิวบางลง คราวนี้แทนที่จะสวย อาจต้องเสียเงินไปหาหมอแทนนะคะ ใช้ให้ถูกสูตร ที่เหมาะกับหน้าเราค่ะ

     
โทนเนอร์น้ำมะนาว           

        การใช้น้ำมะนาวล้างหน้านี้ ใช้แทนโทนเนอร์ได้เลยค่ะ โดยใช้น้ำมะนาว 1 ผล ผสมน้ำอุ่นสำหรับล้างหน้า และน้ำเย็น ล้างหน้าให้สะอาดและล้างครั้งสุดท้ายด้วยน้ำอุ่น ใช้ผ้าซับหน้าให้แห้ง และใช้มะนาวแช่เย็นทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น และใช้น้ำเย็นล้างหน้าอีกครั้ง สูตรนี้นอกจากจะเป็นการกระชับรูขุมขนแล้ว ยังช่วยให้เร่งให้มีการผลัดเซลล์ผิวอย่างธรรมชาติอีกด้วยค่ะ

    
 น้ำมะนาวแต้มสิว  
         สูตรแต้มสิวด้วยน้ำมะนาวเป็นตัวเอกนี้ ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ช้อนชา ผสมส่วนผสมทั้งสองมาผสมกันและตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วแต้มที่ตุ่มสิวทิ้งไว้ 30 นาที ล้างออกด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ทำบ่อยๆ ประมาณ 1 เดือนสิวจะเริ่มลดลงและหายไปในที่สุดค่ะ ง่ายๆ แค่นี้ เจลแต้มสิวที่ไหนก็ชิดซ้ายค่ะ


    
 สครับมะนาว…ขาวกระจ่างใส
          สูตรนี้เหมาะสำหรับขัดผิวกายเท่านั้นนะคะ เพราะหากใช้กับใบหน้าตามสูตรนี้อาจจะแรงไปค่ะ และเหมาะสำหรับคนผิวมันด้วยค่ะ ใครที่ผิวแห้ง ข้ามสูตรนี้ไปก่อนนะคะ ไม่อย่านั้นผิวแห้งกันไปใหญ่ ไม่ดีแน่ๆ ค่ะ สูตรนี้นอกจากน้ำมะนาวตัวเอกแล้ว ก็ยังมีน้ำมันมะกอก และเกลือทะเลด้วยค่ะ เลือกที่บดไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อจะได้มีเม็ดสครับที่พอเหมาะค่ะ

         เริ่มง่ายๆ ด้วยการนำเกลือมาผสมกับน้ำมันมะกอกกะเอาให้พอเหมาะกับขนาดรูปร่างเรานะคะ พอหนืดๆ อย่าให้เหลวไปค่ะ จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปกะดูให้พอเข้มข้นพอ คนให้เข้ากันแล้วทำการสครับได้เลยค่ะ โดยเกลือจะทำหน้าที่ลอกผิวหนังที่ตายแล้วและทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ส่วนน้ำมะกอกทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น และน้ำมะนาวนี่เองที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ไม่ควรผสมเยอะเกินไปเพราะน้ำมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ได้ค่ะ

    
 เล็บสวยด้วยมะนาว 
         น้ำมะนาวก็ช่วยให้เล็บเราสวยและแข็งแรงได้นะคะ วิธีการก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แค่ฝานมะนาวพร้อมเปลือกออกเป็นซีกๆ แล้วเอามาขัดๆ ถูๆ ทำความสะอาดตามเล็บมือเล็บเท้าของเราค่ะ ถูไล่ไปตั้งแต่ผิวเล็บ ตลอดจนทุกซอกทุกมุมของเล็บเรา สูตรนี้ทำบ่อยๆ ได้ค่ะ เพราะเล็บเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว ไม่มีอาการแพ้แน่นอน รับรองว่าใครที่มีเล็บเหลืองจากการทาเล็บแบบไม่มีพัก จะได้เล็บขาวใสสวยๆ กลับคืนมาแน่นอนค่ะ

         น้ำมะนาวนอกจากจะอร่อย อุดมด้วยวิตามินซี ยังเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความงามขอสาวๆ ได้อีกด้วย อ่านแล้วก็อย่าลืมไปสำรวจมะนาวในครัวดูนะคะว่ามีเหลืออยู่กี่ลูก และจะสวยอะไรก่อนดี?

อย่าลืมนำไปใช้กันนะค่ะ จะได้สวยได้ เปรี้ยวด้วย ...